ชวนมาดู Aeon Of Strike เกม Moba รุ่นแรกแตกต่างจากปัจจุบันอย่างไร



เหล่าเกมเมอร์สาย MOBA ยุคใหม่ ๆ คงคุ้นเคยกันดีกับเกม ROV หรือ LOL จะให้เก่ากว่านั้นอาจจะเป็น DotA แต่ไม่แน่ใจนักว่า Aeon Of Strife หรือ AOS จะเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างหรือเปล่า เพราะเรียกได้ว่า Aeon Of Strife คือต้นฉบับดั้งเดิมของเกมแนว Moba โดยแท้ ที่เป็นเพียงส่วนเสริมจากเกม StarCraft เพียงเท่านั้น ที่เป็น Custom Map ซึ่งถูกพัฒนาโดย Aeon64 อย่างที่เรารู้กันว่าเกมระดับโลกหลาย ๆ เกมก็มีที่มาเพียงจากส่วนเสริมเล็ก ๆ ของเกมอื่นเท่านั้น แต่แล้วเกม MOBA ยุคเก่ามีความแตกต่างกับยุคปัจจุบันยังไงบ้าง วันนี้เราจะพามาดูกัน

4 ข้อแตกต่างของ MOBA ยุคบุกเบิก

1.จำนวนผู้เล่น

เกมแนว MOBA ส่วนใหญ่สมัยนี้ก็มักจะเป็นการเล่นแบบ 5 vs 5 กันหมดแล้ว เพราะครอบคลุมทุกสายการเล่นที่จะสามารถดันทีมให้เกิดความสมดุลและกำลังพอเหมาะกับการเล่นแบบทีมเวิร์คมากที่สุด แต่ Aeon Of Strife มีทั้งหมดด้วยกันทีมละ 4 คนเท่านั้น แต่ในภายหลังได้พัฒนากลายเป็นแบบ 2 VS 2 และ 3 VS 3 อีกด้วย

2.การเดินข้ามเลน

ปกติแล้วการเดินเข้าป่าเป็นการฟาร์มชั้นดีของ MOBA สมัยนี้ หรือการจะเดินไปช่วยตีกับเพื่อนต่างเลนก็ทำได้ แต่เมื่อย้อนกลับไปในสมัยของ Aeon Of Strife แล้ว ผู้เล่นจะแบ่งแยกเลยเป็นของตัวเองแล้วดันส่วนเลนของตัวเองเท่านั้น ที่สำคัญ ยังอาจมีได้มากกว่า 3 เลนของสมัยนี้อีกต่างหาก

3.การฟาร์มของ

แน่นอนว่าเมื่อไม่ได้มีป่าให้เดินฟาร์มแล้ว คำถามคืออะไรที่จะใช้ในการอัพเกรดสิ่งของต่าง ๆ ภายในเกม คำตอบก็คือ “ลาสครีป” เพื่อเก็บเงินไว้สำหรับมาอัพเกรดค่าพลัง ทั้งการโจมตีและค่าการป้องกัน ซึ่งก็มีให้อัพเกรดอยู่แค่นั้น ไม่ได้มีระบบซื้อขายของแต่อย่างใด

4.จำนวนตัวละครฮีโร่

ตัวละครนับเป็นส่วนสำคัญมากทีเดียวสำหรับเกมแนว MOBA เพราะความหลากหลายที่มากขึ้นหมายถึงเม็ดเงินที่ก่อตัวเพิ่ม และการเล่นที่พลิกแพลงได้หลากหลายยิ่งขึ้น จึงทำให้มีการเปิดตัวละครฮีโร่ใหม่ ๆ อยู่เสมอ แต่ด้วยเทคโนโลยีในสมัย 2002 นั้น ทำให้ Aeon Of Strife มีตัวละครฮีโร่ให้เลือกเพียงแค่ 8 ตัวเท่านั้น

การพัฒนาสู่ MOBA ที่เราคุ้นเคย

เรียกได้ว่าเกม StarCraft คือบ่อเกิดแห่ง Aeon Of Strife ที่กลายมาเป็นต้นแบบของเกมแนว MOBA ที่แท้จริง แต่แล้วด้วยความที่ตัวเกม StarCraft ในสมัยนั้นเองยังไม่เอื้อต่อการเล่นเกมแนว MOBA นัก อีกทั้งข้อจำกัดทางเทคโนโลยีทำให้ไม่สามารถอัพเดทเกมไปได้ไกลกว่านี้ ทำให้คนค่อย ๆ เริ่มลืมมันไป และเริ่มกลับมาบูมอีกครั้งกับ Map จาก Warcraft 3 ที่เริ่มกลายเป็น DotA อย่างเต็มตัว จากการพัฒนาของ Kyle ‘Eul’ Summer นี้เอง ที่เริ่มมีการครีปป่าเข้ามา จนกลายเป็น Defense of the Ancient All-Stars (Dota All-Stars) ที่มีระบบ 3 เลน อีกทั้งมีร้านขายของซึ่งดูไม่ห่างจากเกม MOBA ในสมัยนี้มากนัก

เครดิตภาพ : https://images.app.goo.gl/AhBi5eMPuFqTHQLbA